วันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม 2568
15 ธ.ค. 2568 10:38 | 105 view
@pracha
‘เอกนิติ’ โพสต์ขอบคุณนายกฯ เห็นความตั้งใจ-จริงใจ ให้โอกาสเข้ามาทํางาน 2 เดือนกว่าช่วยดูแลเศรษฐกิจประเทศช่วงเปลี่ยนผ่าน พร้อมขอบคุณแรงสนับสนุน-ความร่วมมือจากทุกหน่วยงานรัฐ-เอกชน ผู้บริหาร ข้าราชการกระทรวงคลัง เดินหน้ามาตรการ ‘Quick Big Win’ ปัก 5 เสาหลัก 1 ฐานราก ฟื้นเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม
15 ธ.ค. 68 - นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Ekniti Niti’ โดยระบุว่า จาก Executor ในฐานะข้าราชการประจํา สู่ policy maker ในตําแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ช่วงเกือบ 3 เดือนที่ผ่านมา นอกจากหน้าที่การงานที่เปลี่ยนไป เวลาที่จะได้อยู่กับตัวเองก็หายไปเช่นกัน เพราะทุกอย่างเร่งรีบไปหมด ต้องทํางานแข่งกับเวลา 4 เดือน เพื่อคลอดมาตรการ 5 เสาหลัก 1 ฐานรากที่เรียกว่า ‘Quick Big Win’ ให้ครบ เพื่อ ’กระตุ้นสั้น ได้ยาว กระจายตัว‘ แต่ในที่สุด เวลาที่ได้ทํางานจริง ๆ มีแค่ประมาณ 2 เดือนกว่าๆ ซึ่งสามารถคลอดมาตรการต่าง ๆ ได้เกือบครบตามที่ตั้งใจไว้
วันนี้อยากจะขออนุญาต share ประสบการณ์อันมีค่าสําหรับผมในการเป็นรองนายกฯ และ รมว.คลังในช่วงที่ผ่านมา 1. การออกแบบนโยบาย ‘Quick Big Win’ โดยที่มาของชื่อ ’Quick Big Win’ : หากใครเคยร่วมงานกับผมที่กระทรวงการคลัง ’Quick Big Win’ ไม่ใช่คําใหม่ แต่เป็นคําที่ใช้ในการขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในหน่วยงานต่าง ๆ แต่พอต้องออกแบบนโยบายที่ต้องทําใน 4 เดือนให้เกิดผลเชิงประจักษ์ ผมจึงนํา concept นี้มาใช้ในการออกแบบนโยบายเศรษฐกิจร่วมกับทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจท่านอื่นเพื่อให้ขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน
นโบบายที่ทําได้จริง จับต้องได้ เห็นผลเป็นรูปธรรม : การออกนโยบายในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเราต้องคํานึงถึงทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจภาพรวม สังคม ธุรกิจ อุตสาหกรรม การเงิน ตลาดทุน การคลัง ที่สําคัญที่สุด คือ ประชาชน เป็นสัจธรรมที่เราไม่สามารถออกแบบนโยบายที่ถูกใจทุกคนได้ แต่ต้องตัดสินใจบนพื้นฐานให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติ ดังนั้น นโยบายที่ออกแบบจะต้องทําได้จริง มุ่งแก้ปัญหาทั้งระยะสั้น และยาว เห็นผลเป็นรูปธรรม และคํานึงถึงความคุ้มค่าของทรัพยากรที่มีจํากัด และวินัยการคลังควบคู่กันไป เช่น คนละครึ่งพลัส (เสาที่ 1) ที่เน้นกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น โดยให้มีการ upskill ร้านค้า เพื่อผลระยะยาว และผลที่ได้กระจายตัวไปทั่วประเทศ
2.หัวใจการขับเคลื่อนนโยบายทุกเสาหลัก คือ การ ‘บูรณาการ’ (Agile) ของทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน โดยคนมักเข้าใจผิดว่าการบูรณาการจะเกิดเฉพาะตอน execution แต่จริงๆ แล้ว นโยบายที่มีประสิทธิภาพจะต้องเริ่ม ‘บูรณาการ’ ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ
การออกแบบนโยบายเพื่อแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน (เสาที่ 2) สภาพคล่อง SME ที่หดตัว (เสาที่ 3) รวมทั้งการส่งเสริมการออมเพื่อตอบโจทย์สังคมสูงวัย (เสาที่ 4) มีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเกี่ยวข้องมากมายตั้งแต่กรมต่าง ๆ ในกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงค์ชาติ) บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (NCB) สมาคมธนาคารไทย สมาคมแบงค์รัฐ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้า จนถึงสํานักงานกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
ดังนั้น การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และข้อมูล พร้อมทั้งเปิดใจรับฟังว่าแต่ละหน่วยมีข้อเสนอและอุปสรรคอะไรบ้างตั้งแต่เริ่มต้น จะทําให้เกิดการ ‘บูรณาการ’ เชิงนโยบาย ซึ่งตามมาด้วย การ ’บูรณาการ‘ ในเชิงปฏิบัติของแต่ละหน่วยงานเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามที่ตั้งใจไว้ เนื่องจากหน่วยงานต่างๆ รู้สึกถึงการมีส่วนรวม และเป็นเจ้าของร่วมในนโยบายนั้นๆ และเห็นว่าตอบโจทย์และทําได้จริง
3.การออกแบบนโยบายจะไม่ประสบความสําเร็จเลย หากเราไม่รับฟังปัญหาที่แท้จริงของ ‘customer’ ในที่นี้หมายถึงผู้ประกอบการ ซึ่งในเสาที่ 5 - การลงทุนเพื่ออนาคต ได้มีการรับฟังปัญหา และอุปสรรคของนักลงทุนที่ได้รับบัตรส่งเสริม BOI ว่าติดปัญหาอะไร จึงเกิดโครงการ Thailand Fast Pass ขึ้น เพื่อปลดล็อคกฎระเบียบต่างๆ เพื่อให้โครงการลงทุนขนาดใหญ่เดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ โดยจับมือกับผู้ประกอบการพัฒนาหลักสูตรที่ตรงตามความต้องการของตลาด
4.การออกแบบนโยบายเศรษฐกิจ และการดําเนินงานทั้งหมดต้องตั้งอยู่บน ‘วินัยการเงินการคลัง’ โดยปรับแผนการคลังระยะปานกลาง เพื่อลดการขาดดุลภาครัฐ และแสดงความตั้งใจจริงในการรักษาวินัยการคลัง โดยการคืนหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และการออกหลักเกณฑ์ ม. 28 เพื่อจํากัดการใช้นโยบายกึ่งการคลังให้มีความรัดกุม และรอบคอบมากขึ้น
5.นโยบายจากสัมฤทธิ์ผลสูงสุด ไม่ใช่แค่ ทําได้จริง ตอบโจทย์ปัญหาทั้งระยะสั้นและยาวเท่านั้น อีกหนึ่งปัจจัยที่สําคัญที่สุด คือ ‘เวลา’ และ ‘ความต่อเนื่อง’ เพื่อให้ทุกมาตรการมีผลเป็นรูปธรรม
นายเอกนิติ ระบุว่า ผมคนเดียวไม่สามารถขับเคลื่อนทุกอย่างได้อย่างมีประสิทธิภาพในเวลาอันจํากัด หากไม่ได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือร่วมใจจากผู้บริหารและข้าราชการกระทรวงการคลัง สํานักงบประมาณ สํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และกระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งผู้บริหารระดับสูงทั้งภาครัฐ และเอกชน ตั้งแต่ ธปท. ก.ล.ต. ตลท. สมาคมแบงค์รัฐ กกร. NCB ไปจนถึงหน่วยงานอื่นๆ ที่อาจจะกล่าวถึงไม่หมด
“สุดท้าย ขอขอบคุณทีมงานเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ตั้งแต่ผู้ช่วยฯ/เลขาฯ/ทีมที่ปรึกษาทางการ และไม่ทางการ/ทีมหน้าห้องของรองนายกฯ และรมว.คลัง ที่ช่วยกันขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ โดยไม่ได้หยุดพักหายใจหายคอกันเลย ทุกคนยอดเยี่ยมมากครับ ขอบคุณทุกท่านจากใจจริงครับ และท้ายสุด กราบขอบพระคุณท่านนายกรัฐมนตรี ที่เห็นความตั้งใจ ความจริงใจ และให้โอกาสผมเข้ามาช่วยดูแลเศรษฐกิจของประเทศในช่วงเปลี่ยนผ่านที่สําคัญนี้” นายเอกนิติ ระบุ.
ข่าว
15 ธ.ค. 2568 11:22 57 views
ข่าว
15 ธ.ค. 2568 11:17 59 views
ข่าว
15 ธ.ค. 2568 11:16 46 views
ข่าว
15 ธ.ค. 2568 11:01 70 views
ข่าว
15 ธ.ค. 2568 10:47 117 views
ข่าว
15 ธ.ค. 2568 10:38 106 views
ข่าว
15 ธ.ค. 2568 10:30 78 views
ข่าว
15 ธ.ค. 2568 10:27 76 views
ข่าว
15 ธ.ค. 2568 10:15 66 views
ข่าว
15 ธ.ค. 2568 10:06 106 views
ข่าว
15 ธ.ค. 2568 09:13 131 views
ข่าว
15 ธ.ค. 2568 08:52 408 views
ข่าว
14 ธ.ค. 2568 16:14 578 views
ข่าว
14 ธ.ค. 2568 14:31 232 views
ข่าว
14 ธ.ค. 2568 13:54 256 views
ข่าว
14 ธ.ค. 2568 13:28 235 views