วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม 2567
0 543 : | 5513 view
@admin">
Gen เบบี้บูมเมอร์ คือ คนที่มีอายุตั้งแต่ 55-74 ปี และเริ่มเข้าสู่วัยเกษียณ และวัยชราแล้ว สาเหตุที่เรียกว่า "เบบี้บูมเมอร์" ก็เพราะว่าหลังจากสงครามโลกคร้ังที่ 2 สงบลงแล้ว หลายประเทศชาติเสียหาย และขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก คนในยุคนั้นจึงมีค่านิยมที่จะต้องมีลูกหลายคน เพื่อสร้างแรงงานขึ้นมา หลายคนจึงถูกครอบครัวสั่งสอนมาให้เป็นคนประหยัด และใช้จ่ายอย่างรอบคอบ
คน Gen เบบี้บูมเมอร์ โดยส่วนใหญ่มีลักษณะจริงจัง ประหยัด ใช้ชีวิตทุ่มเทให้กับการทำงาน ยึดติดกับธรรมเนียม และประเพณีแบบดั้งเดิม เรียกได้ว่าคน Gen นี้มีชีวิตเพื่อการทํางาน เคารพกฎเกณฑ์ กติกา มีความอดทนสูง ทำให้คนในเจเนอเรชันอื่นๆ อาจจะมองคนยุคเบบี้บูมเมอร์ว่าเป็นพวกอนุรักษ์นิยม ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ไม่ปรับตัวกับอะไรใหม่ๆ
เจเนอเรชัน X กลุ่มนี้เกิดมาในช่วงที่ไม่ลําบากเท่ารุ่น Baby boomer เป็นช่วงเวลาที่โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว หลายๆ ประเทศเริ่มมีความมั่งคั่งหลังจากเผชิญสงครามไปถึง 2 ครั้ง โดยเจเนอเรชัน X คือ คนที่มีอายุตั้งแต่ 42-57 ปี ในวันนี้ก็กลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ทำงานในระดับหัวหน้างาน หรือเป็นผู้บริหารระดับสูง เรียกได้ว่าเป็นวัยกลางคนก็ได้ คน Gen X เป็น Generation ตรงกลางระหว่าง Baby Boomer ที่เป็นพ่อแม่พวกเขา กับ Gen Z หรือ Gen Y ที่เป็นลูกของตัวเอง จึงมีทั้งผู้คนที่มีหัวอนุรักษ์นิยม แต่ก็ยังเปิดใจรับอะไรใหม่ๆ ได้มากกว่าเบบี้บูมเมอร์
โดยส่วนใหญ่ คน Gen X ในวัยทำงานอายุ 30 ขึ้นไป จะยังคงมีชีวิตเพื่อการทำงานอยู่ หากแต่เปิดกว้างทางความคิด และมีความคิดสร้างสรรค์ออกนอกกรอบบ้าง มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ยึดติดกับขนบธรรมเนียมมากเท่ากับเบบี้บูมเมอร์ แต่คนเจเนอเรชันนี้ก็มีความขัดแย้งในตัวเองสูงเช่นกัน เช่น ต่อต้านสังคม เป็นผู้นำ และผู้ตามได้ในเวลาเดียวกัน เป็นต้น คน Gen X มีความถนัดใช้เทคโนโลยี และปรับตัวเข้ากับสมาร์ทโฟนได้เป็นอย่างดี เล่นโซเชียลได้หลายแพลตฟอร์มมากกว่าเจเนอเรชันอื่นๆ และค่อนข้างจะติดโซเชียลเลยทีเดียว
เรียกได้ว่า เจนเนอเรชัน Y นั้นเกิดมาในยุคโลกาภิวัตน์ กับช่วง “Y2K” หรือช่วงปี 1990 ถึงต้น 2000 ที่โลกทั้งโลกเชื่อมต่อกันในพริบตา เศรษฐกิจกำลังเติบโต โดย Gen Y นั้น คือ ผู้ที่มีอายุระหว่าง 26-40 เป็น
เจเนอเรชันที่ถูกเลี้ยงดูด้วยทั้งพ่อและแม่ Gen X และ Gen เบบี้บูมเมอร์ที่ต้องออกไปทำงานหาเลี้ยงครอบครัว รวมทั้งเจนเนอเรชัน Y ยังเป็นช่วงวัยที่เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีดิจิทัล เปิดรับวัฒนธรรมสากล ชื่นชอบศิลปินต่างชาติ มีเทคโนโลยี เช่น โทรศัพท์มือถือ หรือเพจเจอร์ ใช้ในการติดต่อสื่อสารแล้ว คน Gen Y จึงไม่ชอบอะไรที่ต้องรอ หรือไม่พอใจเมื่อต้องเสียเวลาไปกับเรื่องที่สามารถทำให้รวดเร็วได้
ลักษณะนิสัยคน Gen Y เป็นเจนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ใจร้อน กล้าแสดงออก เพราะคน Gen Y เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยีทั้งอุปกรณ์ไอที และอินเทอร์เน็ต ที่เอาไว้เข้าถึงข้อมูลต่างๆ ทําให้คนรุ่น Generation Y ใช้เทคโนโลยีได้เก่ง ปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีออนไลน์ใดๆ ได้ง่าย นอกจากนี้คน Gen Y เกิดมาพร้อมกับค่านิยมประชุม ชอบระดมความคิด Gen Y เป็นช่วงวัยที่รักษาสิทธิ์ของตนเอง ไม่ชอบถูกเอาเปรียบ ชอบชีวิตส่วนตัวชอบสังสรรค์ และมีไลฟ์สไตล์อื่นๆ หลังเลิกงาน และเป็นช่วงวัยที่สามารถทำอะไรหลายอย่างได้ในเวลาเดียวกัน (Multitasking)
เจนเนอเรชัน z คนรุ่นใหม่ คือ คนที่เกิดในช่วง 1992-2012 มีอายุตั้งแต่ 8-25 ปี ที่ Generation Z หรือ Gen Z คือคนที่เกิดตั้งแต่ปี พ.ศ.2544 เป็นต้นไป โดยคนเจนเนอเรชั่นนี้เกิดมาพร้อมกับ Social Media และแอปพลิเคชันในโทรศัพท์ที่หลากหลาย เทคโนโลยีครบครัน และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายให้เลือกสรร
ในทางการตลาดนั้น คนเจนเนอเรชัน z ลักษณะนิสัยที่รักสบาย และไม่ยึดติดกับสิ่งใด โดยลักษณะนิสัยที่โดดเด่นมากในทางการตลาด “พร้อมเปย์” ขั้นสุด หากว่าสินค้าและบริการเหล่านั้นบ่งบอกถึงตัวตน ภาพลักษณ์ หรือแม้แต่สนับสนุนประเด็นที่พวกเขา และสังคมสนใจ เช่น ประเด็นสิ่งแวดล้อม สิทธิมนุษยชน หรือมนุษยธรรม เป็นต้น ติดการถ่ายรูป และแชร์เรื่องราวเพื่อลงบนโซเชียลมีเดีย
Gen Z สามารถเรียนรู้ได้ไว เก่งในการหาความรู้ด้วยตัวเองทางออนไลน์ เพราะอิทธิพลของโลกอินเทอร์เน็ตที่ทำให้เรื่องเรียน งาน เล่น กลายเป็นเรื่องเดียวกันไปแล้ว ดังจะเห็นได้ใน TikTok ว่ามีแคมเปญ #LearnOnTikTok หรือ Learn ... by yourself ใน Youtube นอกจากนี้ Gen Z มีวิถีการใช้ชีวิตอย่างฉลาด มีไอเดียหรือวิธีการใหม่ๆ กล้าแสดงออก กล้าแสดงความคิดเห็น ถือได้ว่าเหล่าคน Gen Z นั้นเป็นขุมพลังสำคัญในการขับเคลื่อนโลกในเวลานี้
จะเห็นได้ว่าแต่ละเจเนอเรชันก็มีลักษณะเฉพาะ ค่านิยม รูปแบบการสื่อสาร และนิสัยที่แตกต่างกันไป โดยข้อมูลข้างต้น ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งการทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างคนรุ่นต่างๆ ในที่สังคม รวมทั้งลดช่องว่างระหว่างวัย (generation gap) โดยทุกคนในสังคมไม่จำเป็นต้องมีความคิดเห็น มีความศรัทธา หรือปฏิบัติอะไรเหมือนกัน ก็สามารถลดปัญหาความขัดแย้ง ผ่านการเคารพความแตกต่าง เปิดหู เปิดตา และเปิดใจรับ ใช้เหตุผล รวมทั้งศึกษา และทำความเข้าใจรูปแบบการสื่อสารที่เป็นเอกลักษณ์ เคารพตัวตนของกันและกัน เพื่อรับมือแต่ละเจเนอเรชันอย่างมีประสิทธิภาพ
ข่าว
27 ก.ค. 2567 11:18 46 views
ข่าว
27 ก.ค. 2567 11:17 32 views
ข่าว
27 ก.ค. 2567 11:14 22 views
ข่าว
27 ก.ค. 2567 10:44 34 views
ข่าว
27 ก.ค. 2567 10:40 38 views
ข่าว
27 ก.ค. 2567 10:11 39 views
ข่าว
27 ก.ค. 2567 10:04 42 views
ข่าว
27 ก.ค. 2567 09:46 34 views
ข่าว
27 ก.ค. 2567 09:34 42 views
ข่าว
27 ก.ค. 2567 09:27 50 views
ข่าว
26 ก.ค. 2567 17:30 188 views
ข่าว
26 ก.ค. 2567 17:17 121 views
ข่าว
26 ก.ค. 2567 17:14 145 views
ข่าว
26 ก.ค. 2567 16:23 106 views
ข่าว
26 ก.ค. 2567 15:55 143 views
ข่าว
26 ก.ค. 2567 15:49 129 views