รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยัน อดีตนายกรัฐมนตรี "ทักษิณ" ไม่เคยออกจากโรงพยาบาลตำรวจแม้เพียงนาทีเดียว

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอเวชระเบียนการรักษาตัวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากโรงพยาบาลตำรวจว่า กระทรวงยุติธรรม โดยเฉพาะกรมราชทัณฑ์ ให้ความร่วมมือกับป.ป.ช. ซึ่งได้มีการสอบสวนหลายครั้งแล้ว แต่มีการร้องเพิ่มใหม่ ยืนยันว่า ปฏิบัติตามกฎหมายทุกอย่าง แต่สื่อสังคมออนไลน์อาจเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับคำ "เรือนจำ" ว่า หมายถึงสถานที่ที่เป็นเรือนจำในประเทศ 437 แห่ง

 ซึ่งตามกฎกระทรวง มีความหมายรวมไปถึงโรงพยาบาลรัฐ อีกทั้งยังหมายถึงที่คุมขังอื่น ซึ่งอยู่ในเจตนารมณ์ของกฎหมายที่แก้ในสมัยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อวัตถุประสงค์ในการลดปัญหาความแออัดในเรือนจำ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ถูกคุมขังตามคำสั่งศาลหลบหนีหรือก่อเหตุร้าย ยืนยันว่า นายทักษิณ อยู่ในโรงพยาบาลครบตามกำหนด ไม่เคยออกจากโรงพยายาลแม้แต่นาทีเดียว

เนื่องจากตามกฎหมาย ผู้ถูกคุมขังไม่สามารถออกจากห้องที่รักษาตัวได้ ส่วนเรื่องการเยี่ยม ก็มีกำหนดไว้ตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ แต่ปฏิเสธว่า ไม่เคยได้รับรายงานเรื่องที่ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าเยี่ยม นายทักษิณ เนื่องจากเป็นเรื่องของกรมราชทัณฑ์

ส่วนที่สังคมสงสัยว่า เหตุใด นายทักษิณ ต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ไม่รักษาตัวในโรงพบาบาลกรมราชทัณฑ์ พันตำรวจเอกทวี เปิดเผยว่า ในปี พ.ศ. 2567 มีผู้ถูกคุมขังออกไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลข้างนอก 70,000 คน

พร้อมแสดงความเห็นว่า กรณีใดที่หน่วยงานหรือองค์กรอิสระรับไว้สอบสวน องค์กรอื่นก็ไม่ควรเห็นต่าง พร้อมยกกรณีที่ความเห็นของผู้ตรวจการแผ่นดินไม่ตรงกับความเห็นของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนขึ้นเปรียบ ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินมีการสอบพยานหลักฐาน ขณะที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนไม่มีการสอบความเห็น ความเห็นต่างระหว่างสององค์กรจึงอาจทำให้เกิดช่องโหว่ในการชี้แจง

อย่างไรก็ตาม กระทรวงยุติธรรม พร้อมให้ความร่วมมือด้านข้อมูลเอกสารและพร้อมชี้แจง