พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ตอบกระทู้ถามสดของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยระบุว่า แม้ขณะนี้ทั้งสองฝ่ายจะมีการปรับกำลังบริเวณพื้นที่ที่มีการเผชิญหน้าแล้ว แต่ยังคงมีกำลังทหารพร้อมอาวุธหนักในพื้นที่เสี่ยงปะทะโดยรอบ รัฐบาลจึงดำเนินการภายใต้กรอบสันติวิธีอย่างรอบคอบ พร้อมจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. เพื่อบูรณาการการทำงานของทุกฝ่ายในการคลี่คลายสถานการณ์ โดยให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยในชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนตามแนวชายแดน ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของความขัดแย้ง พร้อมยืนยัน กองทัพปฏิบัติงานภายใต้การกำกับของฝ่ายบริหาร และการให้อำนาจเฉพาะหน้ากับกองทัพในบางกรณี ซึ่งมาตรการชั่วคราว เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที

ซึ่ง ขณะนี้เริ่มมีสัญญาณเชิงบวกจากฝ่ายกัมพูชา โดยมีความเคลื่อนไหวเพื่อกลับเข้าสู่การหารือผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ทั้งในระดับรัฐมนตรีและระดับกองทัพภาค ส่วนที่มีการตั้งคำถามว่า ไทยเสียรู้ด้านการสื่อสาร โดยเฉพาะประเด็นทางโซเชียลมีเดียนั้น ยืนยันว่า การตอบโต้ทางการเมืองระหว่างประเทศ ต้องผ่านเอกสารทางราชการเท่านั้น ไม่ใช่การตอบโต้ผ่านโซเชียลมีเดีย
ต่อคลิป 2

--------จบที่--------

"ถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่จบ........เฟดลง""

ต่อคลิป 3

ด้านนายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ
กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมาธิการฯที่เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง

ถึงกรณีคลิปเสียงหลุดของนายกฯแพทองธาร กับ สมเด็จฮุน เซน โดยยอมรับว่าส่วนนี้มีปัญหาแน่นอนทั้งในเชิงวิธีการ และเนื้อหา และคลิปที่ 2
คือคลิปที่มีการสั่งฆ่าคนกัมพูชาบนผืนแผ่นดินไทยที่มีข้อสงสัยว่าจะเกี่ยวพันกับผู้มีอำนาจที่อยู่ในกัมพูชา ซึ่งทั้ง 2 ส่วนนี้จะพยายามเสาะหาข้อเท็จจริง
เนื่องจากทั้งสองคลิปเสียงนั้นมีความร้ายแรง โดยเฉพาะคลิปที่ 2
ที่เกี่ยวพันกับการละเมิดอำนาจอธิปไตยของประเทศไทยที่ปล่อยไปไม่ได้

ทั้งนี้นายรังสิมันต์มองว่า ในสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน การพูดคุยกับกัมพูชา ไม่ใช่เรื่องง่าย กัมพูชาก็ยืนยันว่าจะไปศาลโลก และมีความพยายาม ยั่วยุให้ไทยให้ไทยต้องทำอะไรบางอย่าง ที่อาจจะถูกนำไปใช้เพื่อตีความ และนำสู่การขึ้นศาลโลกได้ ดังนั้นประเทศไทยต้องระวังในส่วนนี้

อย่างไรก็ตาม จากการที่ได้พูดคุยกับ สส. จันทบุรี ของพรรคประชาชนพบว่าปัญหาอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้น ต่อเศรษฐกิจคือเรื่องของแรงงาน ซึ่งต้องมีมาตรการรับมือ ประชาชนไม่ควรจะแบกรับอยู่ลำพังภาครัฐต้องเข้าไปช่วย ตนอยากให้พุ่งเป้าไปที่การทำลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์หากทำได้สำเร็จจะเป็นการช่วยเหลือประเทศไทยในระยะยาว
และ กัมพูชาคือจุดสำคัญเป็นที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พร้อมยอมรับว่าการไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นสัญญาณที่ทำให้เห็นว่ารัฐบาลไม่เห็นความสำคัญ ในการจัดการปัญหาเรื่องความมั่นคง การส่งสัญญาณแบบนี้เป็นการส่งสัญญาณที่ไม่ดี ต่อประชาชนชาวไทย
----จบ---