×
Live หน้าหลัก ทันเหตุการณ์ ทั่วไป ข่าวพระราชสำนัก คุณภาพชีวิต อาชญากรรม เศรษฐกิจ ต่างประเทศ กีฬา สิ่งแวดล้อม ทหาร การเมือง ภูมิภาค บทความ บันเทิง Life แฟชั่นและความงาม อาหารและสุขภาพ ไอที ท่องเที่ยวและวัฒนธรรม การเงินและการลงทุน โชคชะตาและความเชื่อ กิจกรรม ททบ. กิจกรรม ทบ. แนะนำรายการ หน่วยงานและเอกชน พอดแคสด์ FM94 ศูนย์ข่าววิทยุ ติดต่อเรา

วันที่ 9 พฤศจิกายน 2568

?>

แรงงานเกาหลีใต้เปิดใจ ถูกใส่กุญแจมือ จ่อปืน ขังในห้องหนาวเหน็บ

 18 ก.ย. 2568 11:37 | 1045 view

 @pracha

Facebook X Share

แรงงานเกาหลีใต้เปิดใจ ถูกใส่กุญแจมือ จ่อปืน ขังในห้องหนาวเหน็บ..เปิดบันทึกแรงงานเกาหลี ที่ถูกจนท.สหรัฐบุกจับ

เป็นที่จับตาของคนทั่วโลก เมื่อ เจ้าหน้าที่ สํานักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐ (ICE) บุกจับกุมคนงานชาวเกาหลีใต้กว่า 300 คน ของโรงงานแบตเตอรี่รถยนต์ ฮุนได และ บริษัท LG Energy Solution ระหว่างปฏิบัติการบุกค้นโรงงาน ที่สหรัฐอ้างว่า เข้ามาทํางานอย่างไม่ถูกต้อง

เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง อ้างว่าหลายคนเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย หรือ อยู่เกินวีซ่า แต่ทนายของเหล่าคนงาน ยืนยันว่า ลูกความของพวกเขา ทํางานอย่างถูกกฎหมายในจอร์เจีย รวมถึงการยกเว้นวีซ่า ที่อนุญาตให้พวกเขาให้คําแนะนําและปรึกษาได้

ข่าวดังกล่าว ส่งผลกระทบอย่างมาก ต่อการลงทุนและความสัมพันธ์ 2 ประเทศ เมื่อ ประธานาธิบดี อีแจมยอง ของเกาหลีใต้ ออกมากล่าวทันทีว่า เหตุการณ์ดังกล่าว ทําให้เกิดความสับสน เพราะ ปกติแล้วบริษัทเกาหลีมักส่งคนงานไปช่วยจัดตั้งโรงงานในต่างประเทศ

ซึ่งหากไม่ได้รับอนุญาต การตั้งโรงงานในสหรัฐจากนี้ ก็คงทําได้ยากขึ้น จนทําให้หลายบริษัทตั้งคําถามว่า “ควรไปลงทุนในสหรัฐหรือไม่”

เช่นเดียวกับ โช ฮยอน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีใต้ ที่บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ผู้ถูกควบคุมส่วนใหญ่ ถือวีซ่า ESTA แต่บางคนถือวีซ่า B1, B2 และ L1

จากข้อมูลของ Migrant Equity Southeast ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกําไรในท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ได้ยึดโทรศัพท์มือถือของคนงาน และนําไปวางเรียงกัน บางคนก็ซ่อนตัวอยู่หลายชั่วโมงเพื่อเลี่ยงการถูกจับ บางคนก็ซ่อนอยู่ในท่อลม หรือ พื้นที่ห่างอาคาร บ้างก็ซ่อนในบ่อบําบัดน้ําเสียใกล้เคียง

คนที่ถูกจับบางคน มีใบขับขี่ของรัฐจอร์เจียอย่างถูกต้อง นั่นหมายความว่าอยู่ในประเทศอย่างถูกกฎหมาย

ปลายสัปดาห์ก่อน เครื่องบินโบอิ้ง 747 ของสายการบินโคเรียนแอร์ ก็ได้นําคนงานเกาหลีใต้ 329 คน พร้อมคนงานที่ไม่ใช่เกาหลีใต้ 14 คน เดินทางกลับมาตุภูมิ ได้อย่างปลอดภัย 1 ในคนงานนั้น เป็นหญิงที่กําลังตั้งครรภ์ด้วย

ท่ามกลางการรอคอยของญาติมิตร และ คนใกล้ชิดของแรงงาน นับแต่เดินทางออกจากแอตแลนตา ซึ่งเต็มไปด้วยคราบน้ําตา และการรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ ตลอด 15 ชั่วโมงของเที่ยวบิน

การเดินทางในครั้งนี้ ล่าช้ากว่ากําหนด 1 วัน เนื่องจาก ประธานาธิบดี ทรัมป์ สนับสนุนให้พวกเขาอยู่สหรัฐต่อ เพื่อฝึกอบรมคนงานชาวอเมริกัน

แรงงานคนหนึ่งบอกว่า “มีความสุขมากที่ได้กลับบ้าน” ฟากอีกคนก็ว่า “ฉันอยากทานอาหารร้อนๆ”

แม่ของคนงานคนหนึ่ง ที่รอการกลับมาของลูกชาย บอกว่า เธอติดต่อลูกชายไม่ได้เลย นับแต่เขาถูกควบคุมตัวไป เธอห่วงเขามาก เพราะลูกเธอเป็นภูมิแพ้

“แค่คิดว่าเขาถูกใส่กุญแจมือ และพันธนาการที่ข้อเท้า ก็ทําให้สะเทือนใจมากแล้ว” ปาร์ค คุณแม่ของคนงานระบุ

คนงานชาวเกาหลีใต้คนหนึ่งที่เดินทางกลับมาบ้านหลังถูกจับกุม ได้เล่าเรื่องราวอันโหดร้ายหลังถูกจับว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐ ได้หัวเราะ เยาะเย้ยอย่างเหยียดหยามระหว่างสอบสวน เขาแอบบันทึกเหตุการณ์ระหว่างถูกคุมขัง โดยแอบนําปากกาและกระดาษที่ได้รับสําหรับการกรอกเอกสาร

คนงานรายดังกล่าว แอบส่งข้อความทางโทรศัพท์ไปถึงครอบครัวและบริษัท ว่าการสื่อสารนั้นเป็นเรื่องยาก หลังจากรอคอย 9 ชั่วโมง พวกเขาก็ถูกพาขึ้นรถ โดยถูกใส่กุญแจมือด้วยสายรัดซิป ขณะที่บางคนก็ถูกพันธนาการที่เอว ขา และข้อมือ เมื่อมาถึงปลายทาง พวกเขาก็ถูกนําไปขังในห้อง 5 ห้อง ที่มีคนอยู่ 72 คนในตอนแรก

สภาพห้องที่คนงานบรรยายไว้นั้น มีเตียง 2 ชั้นที่เครื่องนอนขึ้นรา มีห้องน้ํา 4 ห้อง และ โถปัสสาวะ 2 ห้อง แต่ไม่มีนาฬิกา หรือ แม้แต่หน้าต่างให้มองออกไปข้างนอก พวกเขารู้สึกว่าการจะใช้ห้องน้ํานั้นลําบาก เนื่องจากคับแคบ เลยเลี่ยงที่จะใช้ห้องน้ํา

ขณะที่ห้องพักนั้นก็หนาวมากเสียจนคนงานต้องห่มผ้าเช็ดตัว บางคนก็เอาไปอุ่นไมโครเวฟเพื่อให้มันอุ่นขึ้น น้ําที่ได้รับก็มีกลิ่นเหม็น ต่อมา พวกเขาก็ได้รับ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ผ้าห่ม และ น้ํายาดับกลิ่น

ในวันที่สามของการกักตัว เหล่าคนงานก็ได้รับเอกสาร “การลาโดยสมัครใจ” ที่พวกเขายอมลงนาม แม้จะกังวลกับเนื้อหาในเอกสาร ต่อมา ICE ก็ไล่สอบพวกเขา โดย คนงานได้อธิบายจุดประสงค์ของการมาสหรัฐว่า เดินทางไปทํางานเพื่อประชุมธุรกิจ และศึกษาดูงานตามวีซ่า B-1 สําหับผู้มาเยือนธุรกิจชั่วคราว

เมื่อถูกถามว่ามาจากประเทศใด คนงานทั้งหลายก็บอกว่า “เกาหลีใต้” ซึ่งเจ้าหน้าที่สหรัฐต่างยิ้ม และ พูดคุยกันเอง พาดพิงไปถึง เกาหลีเหนือ และ มนุษย์จรวด ที่ดูเหมือนจะเป็นคําที่โดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐ เรียก คิม จองอึน ผู้นําเกาหลีเหนือ

“ผมโกรธที่พวกเขาดูเหมือนจะล้อเลียนผม แต่ก็ต้องเก็บอารมณ์ เพราะกังวลว่า เอกสารจะเสียหาย” คนงานระบุ

วันรุ่งขึ้น สถานกงสุลและเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ ก็ได้เข้าไปเยี่ยมสถานที่ดังกล่าว พร้อมขอร้องให้ลงนามในเอกสารที่ได้รับ โดยอ้างว่าหากปฏิเสธ จะถูกกักขังเป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปี

คนงานต่างแสดงความไม่พอใจเจ้าหน้าที่ ที่ดูจะไม่รู้ว่าทําไมการเดินทางมาด้วยวีซ่า B-1 จึงผิดกฎหมาย และบอกว่า ดูเหมือนเจ้าหน้าที่จะมุ่งส่งพวกเขากลับบ้าน

คนงานดังกล่าวยังถูกจัดให้อยู่ในห้องสําหรับ 2 คน หลังเสร็จสิ้นขั้นตอนการเข้าเมือง บ้างก็ถูกขังในห้องพักสําหรับ 72 คน ตลอดระยะการกักตัวเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ในที่สุด พวกเขาก็ได้ขึ้นรถออกจากที่กักตัว ซึ่งก็คือ ศูนย์กักขังในเมืองโฟล์กสตัน จอร์เจีย เดินทางกลับเกาหลีใต้


ยองจิน วิศวกรและผู้รับเหมาช่วง LG ซึ่งเป็น 1 ในคนงานชาวเกาหลีที่เพิ่งเดินทางกลับบ้าน บอกว่า เขามองออกไปจากนอกห้องทํางาน และเห็นรถบรรทุกหุ้มเกราะ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองวิ่งเข้ามาพร้อมกับปืน

ตอนนั้นเขารู้สึกประหลาดใจ แต่ไม่ได้กังวล เพราะมั่นใจว่าไม่เกี่ยวอะไรกับเขา เขาจะอยู่อเมริกาไม่กี่สัปดาห์ ตามวีซ่าระยะสั้นเท่านั้น

แต่แล้ว เจ้าหน้าที่ติดอาวุธ ก็บุกเข้าไปในห้องเขาและสั่งให้เขาออกไป ใส่กุญแจ ผูกโซ่ที่เอวและข้อเท้า ทั้งบังคับขึ้นรถทันที

“ผมตื่นตระหนก จิตใจก็ว่างเปล่า ผมรู้สึกป่วย และไม่เข้าใจว่าทําไมถึงโดนปฏิบัติเช่นนี้”

ขณะที่ ชุลยอง วิศวกรซอฟต์แวร์ ที่ถูกควบคุมตัวไว้เช่นกัน ก็บอกว่า “เราเพิ่งออกมาพักแปปเดียว และก็เห็นคนเยอะมาก เจ้าหน้าที่ถือปืน ในฐานะคนเกาหลี เราคิดว่าเขามาจับอาชญากรที่นี่ แต่อยู่ดีๆ พวกเขาก็เริ่มจับเรา”

ท่ามกลางความหวาดกลัว พวกเขาพยายามอธิบายว่าพวกเขาเป็นใคร

“มีเฮลิคอปเตอร์ โดรน รถหุ้มเกราะ…มีปืน”

เขายังเล่าด้วยว่า เจ้าหน้าที่บางคนกําลังจ่อปืนไปที่คนงาน “คุณรู้จักเลเซอร์สีแดงที่ออกจากปืนพวกนั้นไหม มันน่าตกใจมาก บางคนถึงกับตัวสั่นด้วยความกลัว”

“ผมคิดว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย แต่กลับกัน พวกเขากลับมัดเราไว้ซะอย่างนั้น” นายคิม คนงานอีกคนระบุ

ชุลยอง ยังบอกว่า โซ่ตรวนที่ถูกรัดไว้นั้น มันแน่นจนเอามือแตะหน้าตัวเองยังไม่ได้


ยองจิน วัย 30 ปี บอกว่า เขามีกําหนดที่จะอยู่สหรัฐ 5 สัปดาห์ เพื่อฝึกอบรมพนักงานใช้อุปกรณ์ไฮเทคเฉพาะทาง

ยองจินเปิดใจ ทั้งที่ยังตัวสั่นและอารมณ์เสียว่า ผมตื่นตระหนก ตัวสั่น ห้องก็หนาวมาก ผู้ต้องขังใหม่ไม่ได้ผ้าห่มเลยใน 2 วันแรก ทําให้เขาต้องเอามือสอดเข้าไปในเสื้อแขนสั้นของเขา แย่ที่สุดก็คือ น้ํา ที่มีกลิ่นเหมือนน้ําเสีย ทําให้ทุกคนดื่มน้ําให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทําได้

พวกเขาบอกว่า ตอนที่ไปถึง เตียง 2 ชั้นก็ถูกจองไว้หมด ก็เลยต้องหาที่ว่างๆเพื่อพักผ่อน แม้แต่โต๊ะว่างๆ ที่จะเอาหัวลงไปได้

“จริงๆแล้ว เราพยายามหาที่นอน ที่ไหนก็ได้ มันหนาว มีคนเจอขนมปังห่อนึง ก็เอาไปอุ่นในไมโครเวฟ และกอดมันไว้ทั้งคืน”

หลังจากที่ยองจินเดินทางกลับถึงบ้าน ได้เจอหน้าครอบครัว สวมกอดพวกเขา เขาก็บอกว่า เขารู้สึกว่างเปล่า จนกระทั่งแม่ได้ทําอาหารให้กิน ถึงรู้สึกขึ้นมา และร้องไห้ออกมาครั้งแรก

“เวลาผมอยู่ข้างนอก ถ้าผมได้กลิ่นอะไรคล้ายๆ กับคุก ผมก็จะเริ่มตัวสั่นและหายใจไม่ออก ดังนั้นตอนนี้ ผมจึงไม่ได้ออกไปข้างนอกนานนัก”

“เราทุกคนเดินออกมาจากประตูผู้โดยสารขาเข้าด้วยรอยยิ้ม แต่พอคิดถึงตอนนี้แล้ว ผมแทบจะร้องไห้เลย” ทั้งว่า “แค่พูดก็น้ําตาไหลแล้ว”

ภายหลังจากที่คนงานเดินทางกลับมา และ ถ่ายทอดเหตุการณ์อันเลวร้ายออกมาเรื่อยๆ รัฐบาลเกาหลีใต้ ก็กําลังตรวจสอบว่า มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนเกิดขึ้นระหว่างที่บุกค้นโรงงานหรือไม่

ทางการเกาหลีใต้เน้นย้ําว่าจะต้องมีการยึดมั่นในเกียรติและสิทธิของชาวเกาหลีใต้ รวมถึงแสดงความผิดหวังกับสหรัฐอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น

เช่นเดียวกัน โรงงานแบตเตอรี่ในจอร์เจีย ก็กําลังเผชิญความล่าช้า อย่างน้อย 2-3 เดือน ที่ โรงงานนี้มีการตั้งเป้าไว้ว่าจะเป็นศูนย์กลางผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่แห่งแรกของฮุนไดในสหรัฐ ที่คาดว่าจะสร้างงานได้ 8,500 ตําแหน่ง และเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจในชนบท

ไม่นานมานี้ กลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้เอง ก็ให้คํามั่นที่จะลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในสหรัฐ ซึ่งในข้อตกลงภาษีศุลกากรก่อนหน้านี้ มีการระบุกระแสเงินลงทุนกว่า 350,000 ล้านดอลลาร์จากเกาหลีใต้ไปยังสหรัฐ โดยเฉพาะกับฮุนได ที่ให้คํามั่นว่าจะลงทุน 2 หมื่นล้าน หลังพบกับทรัมป์ในเดือนมีนาคม

เรื่องนี้จึงสั่นคลอน ไม่เฉพาะกับเพียงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของ 2 ชาติ แต่ยังรวมถึงเศรษฐกิจของสหรัฐเองอีกด้วย

 

ภาพ-----เอพี

เป็นเพื่อนกับบัญชีทางการ LINE ของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุดและอีกมากมาย!

เพิ่มเพื่อน

ทันเหตุการณ์

ข่าว

พสกนิกรหลั่งไหลเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพฯ วันแรก

9 พ.ย. 2568 14:32 118 views

ข่าว

เตือนซูเปอร์พายุถล่มฟิลิปปินส์ “ฟงวอง” จ่อขึ้นฝั่งเร็ว ๆ นี้

9 พ.ย. 2568 14:24 99 views

ข่าว

GISTDA เตือน 3 จังหวัดเสี่ยงน้ําท่วม! ปทุมฯ–นนท์–กทม.

9 พ.ย. 2568 14:19 166 views

ข่าว

“แม่ทัพวีระยุทธ” ลุยชายแดนอุบลฯ ตรวจโครงการกองทุนหทัยทิพย์ เสริมฐานที่มั่นรับมือโดรน

9 พ.ย. 2568 14:16 98 views

ข่าว

กองทัพบกเคลียร์ชัด! ปมเบี้ยเลี้ยง-อาหารทหาร ย้ําตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน

9 พ.ย. 2568 14:13 74 views

ข่าว

ศิริกัญญา รับ ยังไม่มีข้อมูลรัฐบาลทําผิดร้ายแรง จนต้องซักฟอก ชี้รัฐบาลพยายามแก้ปัญหา

9 พ.ย. 2568 14:10 73 views

ข่าว

สํานักพระราชวัง ประกาศ ‘ในหลวง-พระราชินี’ เสด็จฯ เยือนจีน ‘สี จิ้นผิง-ภริยา’ เฝ้าฯ รับเสด็จ

9 พ.ย. 2568 14:04 86 views

ข่าว

ปธ.หอค้า “พจน์” เผยนักธุรกิจพร้อมรับทุกสถานการณ์ แยก’การเมือง-ศก.’ เตือนรัฐปลอดเกียร์ว่าง

9 พ.ย. 2568 13:59 65 views

ข่าว

“คนละครึ่ง พลัส” 11 วัน ยอดใช้จ่ายกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท

9 พ.ย. 2568 13:56 73 views

ข่าว

 “คืนป่าสู่ช้าง คืนความปลอดภัยสู่ชุมชน” ภารกิจ 24 ชั่วโมงของเจ้าหน้าที่เขาอ่างฤาไน 

9 พ.ย. 2568 13:34 79 views

ข่าว

“รมว.กลาโหม” ตรวจแนวชายแดนไทย–กัมพูชา มอบกําลังใจทหารแนวหน้า

9 พ.ย. 2568 13:25 103 views

ข่าว

น้ําท่วมขังนาน! ครม.เตรียมจ่ายเงินช่วยเหลืออีกระลอก

9 พ.ย. 2568 13:19 96 views

ข่าว

พายุหมุน "ทอร์นาโด" ถล่มบราซิล ทําลายล้างหนักสุดในรอบหลายปี

9 พ.ย. 2568 13:13 78 views

ข่าว

เหตุสลดฟลอริดา! หนุ่มวัย 22 ซิ่งหนีตํารวจชนบาร์ ดับ 4 เจ็บ 13

9 พ.ย. 2568 13:09 133 views

ข่าว

‘เพื่อไทย’จี้รัฐบาล‘ปลดล็อก’เวลาขายแอลกอฮอล์ บ่าย 2-5 โมงเย็น วางกรอบการโฆษณาใหม่

9 พ.ย. 2568 10:58 81 views

ข่าว

‘สวนดุสิตโพล’ชี้ปชช.หวั่น‘เลือกตั้ง’เกิดความขัดแย้งซ้ํารอยเดิม กางลิสต์‘5 พรรค’เชื่อพร้อมแล้ว

9 พ.ย. 2568 10:48 74 views